Tập tin gốc(1.279×847 điểm ảnh, kích thước tập tin: 1,04 MB, kiểu MIME: image/jpeg)

Miêu tả

Miêu tả
ไทย: ภาพวาดเหตุการณ์ในพระธรรมบท เรื่องนางปฏาจารา มีเนื้อหามาในพระธรรมบทโดยพิศดาร ดังนี้ (สนุกมาก)
๑๒. เรื่องนางปฏาจารา [๙๒]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระ-

ปฏาจาราเถรี ตรัสพระคาถานี้ว่า "โย จ วสฺสสตํ ชีเว" เป็นต้น.

ความรักไม่เลือกชั้นวรรณะ
ดังได้สดับมา นางปฏาจารานั้นได้เป็นธิดาของเศรษฐีผู้มีสมบัติ

๔๐ โกฏิในกรุงสาวัตถี มีรูปงาม. ในเวลานางมีอายุ ๑๖ ปี มารดา

บิดาเมื่อจะรักษา จึงให้นางอยู่บนชั้นบนปราสาท ๗ ชั้น. ถึงเมื่อเป็น

เช่นนั้น นางก็ยังสมคบกับคนรับใช้คนหนึ่งของตน. ครั้งนั้นมารดา

บิดาของนางยกให้แก่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ในสกุลที่มีชาติเสมอกันแล้ว

กำหนดวันวิวาหะ. เมื่อวันวิวาหะนั้นใกล้เข้ามา, นางจึงพูดกะคนรับใช้

ผู้นั้นว่า "ได้ยินว่า มารดาบิดาจักยกฉันให้แก่สกุลโน้น, ในกาลที่ฉัน

ไปสู่สกุลผัว ท่านแม้ถือบรรณาการเพื่อฉันมาแล้ว ก็จักไม่ได้เข้าไปในที่

นั้น, ถ้าท่านมีความรักในฉัน, ก็จงพาฉันหนีไปโดยทางใดทางหนึ่งใน

บัดนี้นี้แล." คนรับใช้นั้นรับว่า " ดีละ นางผู้เจริญ" แล้วกล่าวว่า " ถ้า

อย่างนั้นฉันจักยืนอยู่ในที่ชื่อโน้นแห่งประตูเมืองแต่เวลาเช้าตรู่พรุ่งนี้,

หล่อนพึงออกไปด้วยอุบายอย่างหนึ่งแล้ว มาในที่นั้น" ในวันที่ ๒ ก็

ได้ยืนอยู่ในที่นัดหมายกันไว้.

นางปฏาจาราหนีไปกับคนใช้
ฝ่ายธิดาเศรษฐีนั้นนุ่งผ้าปอน ๆ สยายผม เอารำทาสรีระถือหม้อน้ำ

ออกจากเรือนเหมือนเดินไปกับพวกทาสี ได้ไปยังที่นั้นแต่เช้าตรู่. ชายคน

รับใช้นั้นพานางไปไกลแล้ว สำเร็จการอาศัยอยู่ในบ้านแห่งหนึ่ง ไถนา

ในป่าแล้ว ได้นำฟืนและผักเป็นต้นมา. ธิดาเศรษฐีนอกนี้เอาหม้อน้ำมา

แล้ว ทำกิจมีการคำข้าวและหุงต้นเป็นต้นด้วยมือตนเอง เสวยผลแห่ง

ความชั่วของตน. ครั้งนั้น สัตว์เกิดในครรภ์ตั้งขึ้นในท้องของนางแล้ว.

นางมีครรภ์แก่แล้วจึงอ้อนวอนสามีว่า "ใคร ๆ ผู้อุปการะของเราไม่มี

ในที่นี้, ธรรมดามารดาบิดา เป็นผู้มีใจอ่อนโยนในบุตรทั้งหลาย, ท่าน

จงนำฉันไปยังสำนักของท่านเถิด, ฉันจักคลอดบุตรในที่นั้น." สามีนั้น

คัดค้านว่า "นางผู้เจริญ เจ้าพูดอะไร ? มารดาบิดาของเจ้าเห็นฉันแล้ว

พึงทำกรรมกรณ์มีอย่างต่าง ๆ ฉันไม่อาจไปในที่นั้นได้." นางแม้อ้อนวอน

แล้ว ๆ เล่า ๆ เมื่อไม่ได้ความยินยอม ในเวลาที่สามีนั้นไปป่า จึงเรียก

คนผู้คุ้นเคยมาสั่งว่า "ถ้าเขามาไม่เห็นฉัน จักถามว่า 'ฉันไปไหน ?'

พวกท่านพึงบอกความที่ฉันไปสู่เรือนแห่งตระกูลของตน" ดังนี้แล้ว

ก็ปิดประตูเรือนหลีกไป.

ฝ่ายสามีนั้นมาแล้ว ไม่เห็นภรรยานั้นจึงถามคนคุ้นเคย ฟังเรื่อง

นั้นแล้ว ก็ติดตามไปด้วยคิดว่า "จักให้นางกลับ" พบนางแล้วแม้จะ

อ้อนวอนมีประการต่าง ๆ ก็มิอาจให้นางกลับได้.

ทีนั้น ลมกัมมัชวาตของนางปั่นป่วนแล้วในที่แห่งหนึ่ง. นางเข้า

ไปในระหว่างพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง พูดว่า "นาย ลมกัมมัชวาตของฉัน

ปั่นป่วนแล้ว" นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นดิน คลอดเด็กโดยยากแล้ว คิด

ว่า "เราพึงไปสู่เรือนแห่งตระกูลเพื่อประโยชน์ใด, ประโยชน์นั้นสำเร็จ

แล้ว" จึงกลับมาสู่เรือนกับสามี สำเร็จการอยู่กันอีกเทียว.

สมัยอื่น ครรภ์ของนางตั้งขึ้นอีก. นางเป็นผู้มีครรภ์แก่แล้วจึง

อ้อนวอนสามีโดยนัยก่อนนั้นแล เมื่อไม่ได้ความยินยอม จึงอุ้มบุตรด้วย

สะเอวหลีกไปอย่างนั้นนั่นแล แม้ถูกสามีนั้นติดตามไปพบแล้ว ก็ไม่

ปรารถนาจะกลับ.

ครั้งนั้น เมื่อชนเหล่านั้นเดินไปอยู่, มหาเมฆอันมิใช่ฤดูกาลเกิด

ขึ้น. ท้องฟ้าได้มีท่อธารตกลงไม่มีระหว่าง ดังสายฟ้าแผดเผาอยู่โดยรอบ

ดังจะทำลายลงด้วยเสียงแผดแห่งเมฆ. ในขณะนั้น ลมกัมมัชวาตของนาง

ปั่นป่วนแล้ว. นางเรียกสามีมากล่าวว่า "นาย ลมกัมมัชวาตของฉัน

ปั่นป่วนแล้ว, ฉันไม่อาจจะทนได้, ท่านจงรู้สถานที่ฝนไม่รดฉันเถิด."

สามีนั้นมีมีดอยู่ในมือ ตรวจดูข้างโน้นข้างนี้ เห็นพุ่มไม้ซึ่งเกิดอยู่บน

จอมปลวกแห่งหนึ่ง เริ่มจะตัด. ลำดับนั้น อสรพิษมีพิษร้ายกาจเลื้อย

ออกจากจอมปลวก กัดเขาในขณะนั้นนั่นแล สรีระของเขามีสีเขียวดัง

ถูกเปลวไฟอันตั้งขึ้นในภายในไหม้อยู่ ล้มลงในที่นั้นนั่นเอง. ฝ่ายภรรยา

นอกนี้เสวยทุกข์อย่างมหันต์ แม้มองดูทางมาของเขาอยู่ ก็มิได้เห็นเขาเลย

จึงคลอดบุตรคนอื่นอีก. ทารกทั้ง ๒ ทนกำลังแห่งลมและฝนไม่ได้ ก็

ร้องไห้ลั่น. นางเอาทารกแม้ทั้ง ๒ คนนั้นไว้ที่ระหว่างอุทร ยืนเท้า

แผ่นดินด้วยเข่าและมือทั้ง ๒ ให้ราตรีล่วงไปแล้ว. สรีระทั้งสิ้นได้เป็น

ดังสีใบไม้เหลือง เหมือนไม่มีโลหิต. เมื่ออรุณขึ้นนางอุ้มบุตรคนหนึ่งซึ้ง

มีสีดังชิ้นเนื้อด้วยสะเอว จูงบุตรนอกนี้ด้วยนิ้วมือกล่าวว่า "มาเถิด พ่อ,

บิดาเจ้าไปโดยทางนี้" ดังนี้แล้ว ก็เดินไปตามทางที่สามีไป เห็นสามี

นั้นล้มตายบนจอมปลวกมีสีเขียวตัวกระด้าง ร้องไห้รำพันว่า "เพราะ

อาศัยเรา สามีของเราจึงตายที่หนทางเปลี่ยว" ดังนี้แล้วก็เดินไป.

นางเห็นแม่น้ำอจิรวดี เต็มเปี่ยมด้วยน้ำมีประมาณเพียงหัวเข่า

(ฉบับสีหล ชานุปฺปมาณ ไม่มี. )

มีประมาณเพียงนม เพราะฝนตกตลอดคืนยังรุ่ง ไม่อาจลงน้ำพร้อมด้วย

ทารก ๒ คนได้ เพราะตนมีความรู้อ่อน จึงพักบุตรคนใหญ่ไว้ที่ฝั่งนี้

อุ้มบุตรคนเล็กนอกนี้ไปฝั่งโน้น ลาดกิ่งไม้ไว้ให้บุตรนอนแล้ว คิดว่า

"จักไปที่อยู่ของบุตรนอกนี้" ไม่อาจละบุตรอ่อนได้กลับแลดูแล้ว ๆ

เล่า ๆ เดินไป. ครั้นในเวลาที่นางถึงกลางแม่น้ำเหยี่ยวตัวหนึ่งเห็นเด็ก

นั้น จึงโฉบลงมาจากอากาศ ด้วยสำคัญว่า "เป็นชิ้นเนื้อ." นางเห็น

มันโฉบลงเพื่อต้องการบุตร จึงยกมือทั้งสองขึ้น ร้องเสียงดัง ๓ ครั้งว่า

"สู สู" เหยี่ยวไม่ได้ยินเสียงนั้นเลยเพราะไกลกัน จึงเฉี่ยวเด็กบินขึ้นสู่

เวหาสไปแล้ว. แม้บุตรผู้ยืนอยู่ที่ฝั่งนี้ เห็นมารดายกมือทั้งสองขึ้น ร้อง

เสียงดังที่ท่ามกลางแม่น้ำ จึงกระโดดลงในแม่น้ำโดยเร็วด้วยสำคัญว่า

" มารดาเรียกเรา." เหยี่ยวเฉี่ยวบุตรอ่อนของนางไป บุตรคนโตถูกน้ำพัด

ไป ด้วยประการฉะนี้.

นางทราบข่าวว่ามารดาบิดาตายอีก
นางเดินร้องไห้รำพันว่า "บุตรของเราคนหนึ่งถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป,

คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป, สามีก็ตายเสียในที่เปลี่ยว," พบบุรุษผู้หนึ่งเดินมา

แต่กรุงสาวัตถี จึงถามว่า "พ่อ ท่านอยู่ที่ไหน ?"

บุรุษ. ฉันอยู่ในกรุงสาวัตถี แม่.
ธิดาเศรษฐี. ตระกูลชื่อโน้นเห็นปานนี้ใกล้ถนนโน้นในกรุงสาวัตถี

มีอยู่, ทราบไหม ? พ่อ.

บุรุษ. ฉันทราบ แม่, แต่อย่าถามถึงตระกูลนั้นเลย; ถ้าท่าน

รู้จักตระกูลอื่น, ก็จงถามเถิด.

ธิดาเศรษฐี. กรรมด้วยตระกูลอื่นของฉันไม่มี, ฉันถามถึงตระกูล

นั้นเท่านั้นแหละ พ่อ.

บุรุษ. แม่ ฉันบอกก็ไม่ควร.
ธิดาเศรษฐี. บอกฉันเถิด พ่อ
บุรุษ. วันนี้ แม่เห็นฝนตกคืนยังรุ่งไหม ?
ธิดาเศรษฐี. ฉันเห็น พ่อ, ฝนนั้นตกคืนยังรุ่งเพื่อฉันเท่านั้นไม่

ตกเพื่อคนอื่น, แต่ฉันจักบอกเหตุที่ฝนตกเพื่อฉันแก่ท่านภายหลัง, โปรด

บอกความเป็นไปในเรือนเศรษฐีนั้นแก่ฉันก่อน.

บุรุษ. แม่ วันนี้ ในกลางคืน เรือนล้มทับคนแม้ทั้ง ๓ คือ

เศรษฐี ๑ ภรรยาเศรษฐี ๑ บุตรเศรษฐี ๑, คนทั้ง ๓ นั้นถูกเผาบน

เชิงตะกอนเดียวกัน, แม่เอ๋ย ควันนั่นยังปรากฏอยู่.

ในขณะนั้น นางไม่รู้สึกถึงผ้าที่นุ่งซึ่งได้หลุดลง ถึงความเป็นคน

วิกลจริตยืนตะลึงอยู่ ร้องไห้รำพันบ่นเพ้อเซซวนไปว่า:-

"บุตร ๒ คน ตายเสียแล้ว, สามีของเรา
ก็ตายเสียที่ทางเปลี่ยว, มารดาบิดาและพี่ชายก็ถูกเผา
บนเชิงตะกอนเดียวกัน."
คนทั้งหลายเห็นนางแล้ว เข้าใจว่า "หญิงบ้า ๆ" จึงถือเอา

หยากเยื่อ กอบฝุ่น โปรยลงบนศีรษะ ขว้างด้วยก้อนดิน.

พระศาสดาประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริษัท ๔ ใน

พระเชตวันมหาวิหาร ได้ทอดพระเนตรเห็นนางผู้บำเพ็ญบารมีมาแสนกัลป์

สมบูรณ์ด้วยอภินิหารเดินมาอยู่.

นางได้ตั้งความปรารถนาไว้ในชาติก่อน
ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ

นางปฏาจารานั้น เห็นพระเถรีผู้ทรงวินัยรูปหนึ่ง อันพระปทุมุตตรศาสดา

ทรงทั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ ดังท้าวสักกะจับที่แขน ตั้งไว้ในสวน

นันทวัน จึงทำคุณความดีแล้ว ตั้งความปรารถนาไว้ว่า " แม้หม่อมฉัน

พึงได้ตำแหน่งเลิศกว่าพระเถรีผู้ทรงวินัยทั้งหลายในสำนักพระพุทธเจ้าเช่น

กับด้วยพระองค์," พระปทุมุตตรพุทธเจ้าทรงเล็งอนาคตังสญาณไป ก็

ทรงทราบว่าความปรารถนาจะสำเร็จจึงทรงพยากรณ์ว่า "ในอนาคตกาล

หญิงผู้นี้จักเป็นผู้เลิศกว่าพระเถรีผู้ทรงวินัยทั้งหลาย มีนามว่าปฏาจารา

ในศาสนาของพระโคดมพุทธเจ้า."

พระศาสดา ทรงเห็นนางผู้มีความปรารถนาตั้งไว้แล้ว อย่างนั้น

ผู้สมบูรณ์ด้วยอภินิหาร กำลังเดินมาแต่ที่ไกลเทียว ทรงดำริว่า " เว้น

เราเสีย ผู้อื่นชื่อว่าสามารถจะเป็นที่พึ่งของหญิงผู้นี้ได้ ไม่มี" จึงได้

ทรงทำนางโดยประการที่นางจะบ่ายหน้าสู่วิหารเดินมา.

บริษัทเห็นนางแล้วจึงกล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย อย่าให้หญิงบ้านี้

มาที่นี้เลย."

พระศาสดาตรัสว่า "พวกท่านจงหลีกไป, อย่าห้ามเธอ" ในเวลา

นางมาใกล้ จึงตรัสว่า "จงกลับได้สติเถิด น้องหญิง." นางกลับได้

สติด้วยพุทธานุภาพไม่ขณะนั้นเอง. ในเวลานั้น นางกำหนดความที่ผ้านุ่ง

หลุดได้แล้ว ให้เกิดหิริโอตตัปปะขึ้น จึงนั่งกระโหย่ง.

ลำดับนั้น บุรุษผู้หนึ่งจึงโยนผ้าห่มไปให้นาง. นางนุ่งผ้านั้นแล้ว

เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แทบพระบาท

ทั้งสองซึ่งมีพรรณะดังทองคำแล้ว ทูลว่า "ขอพระองค์จึงทรงเป็นที่พึ่ง

แก่หม่อมฉันเถิด พระเจ้าข้า, เพราะว่าเหยี่ยวเฉี่ยวบุตรคนหนึ่งของ

หม่อมฉันไป; คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป, สามีตายที่ทางเปลี่ยว, มารดาบิดาและ

พี่ชายถูกเรือนทับตาย เขาเผาบนเชิงตะกอนเดียวกัน."

พระศาสดาทรงสดับคำของนาง จึงตรัสว่า "อย่าคิดเลยปฏาจารา,

เธอมาสู่สำนักของผู้สามารถจะเป็นที่พึ่งพำนักอาศัยของเธอได้แล้ว; เหมือน

อย่างว่า บัดนี้ บุตรคนหนึ่งของเธอถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป, คนหนึ่งถูกน้ำ

พัดไป, สามีตายแล้วที่ทางเปลี่ยว, มารดาบิดาและพี่ชายถูกเรือนทับ

ฉันใด; น้ำตาที่ไหลออกของเธอผู้ร้องไห้อยู่ในสงสารนี้ ในเวลาที่ปิยชน

มีบุตรเป็นต้นตาย ยังมากกว่าน้ำแห่งมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน"

ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า:-

"น้ำในสมุทรทั้ง ๔ มีประมาณน้อย, น้ำตาของ
คนผู้อันทุกข์ถูกต้องแล้ว เศร้าโศก มิใช่น้อย มาก
ว่าน้ำในมหาสมุทรนั้น; เหตุไร เธอจึงประมาทอยู่
เล่า ? แม่น้อง."
เมื่อพระศาสดาตรัสอนมตัคคปริยายสูตรอยู่อย่างนั้น, ความโศกใน

สรีระของนาง ได้ถึงความเบาบางแล้ว.

ลำดับนั้น พระศาสดาทรงทราบที่นางผู้มีความโศกเบาบางแล้วทรง

เตือนอีก แล้วตรัสว่า " ปฏาจารา ขึ้นชื่อว่าปิยชนมีบุตรเป็นต้น ไม่อาจ

เพื่อเป็นที่ต้านทาน เป็นที่พึ่ง หรือเป็นที่ป้องกันของผู้ไปสู่ปรโลกได้;

เพราะฉะนั้น บุตรเป็นต้นเหล่านั้นถึงมีอยู่ ก็ชื่อว่าย่อมไม่มีทีเดียว, ส่วน

บัณฑิตชำระศีลแล้ว ควรชำระทางที่ยังสัตว์ให้ถึงนิพพานของตนเท่านั้น"

เมื่อจะทรงแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-

"บุตรทั้งหลาย ไม่มีเพื่อต้านทาน, บิดาก็ไม่มี
ถึงพวกพ้องก็ไม่มี, เมื่อบุคคลถูกความตาย ครอบงำ
แล้ว ความต้านทานในญาติทั้งหลาย ย่อมไม่มี;
บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นั้นแล้ว สำรวมในศีล
พึงชำระทางไปพระนิพพานโดยเร็วทีเดียว."
ในกาลจบเทศนา นางปฏาจาราเผากิเลสมีประมาณเท่าฝุ่นใน

แผ่นดินใหญ่แล้ว ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล, ชนแม้เหล่าอื่นเป็นอันมาก

บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

นางปฏาจาราทูลขอบวช
ฝ่ายนางปฏาจารานั้นเป็นพระโสดาบันแล้ว ทูลขอบรรพชากะ

พระศาสดา. พระศาสดาทรงส่งนางไปยังสำนักของพวกภิกษุณีให้บรรพชา

แล้ว. นางได้อุปสมบทแล้วปรากฏชื่อว่า " ปฏาจารา " เพราะนางกลับ

ความประพฤติได้.(บาลีว่า เพราะมีความประพฤติเว้นจากผืนผ้า ดังนี้ก็มี. )

วันหนึ่ง นางกำลังเอาหม้อตักน้ำล้างเท้า เทน้ำลง.

น้ำนั้นไหลไปหน่อยหนึ่งแล้วก็ขาด. ครั้งที่ ๒ น้ำที่นางเทลง ได้ไหลไป

ไกลกว่านั้น. ครั้งที่ ๓ น้ำที่เทลง ได้ไหลไปไกลแม้กว่านั้น ด้วยประการ

ฉะนี้. นางถือเอาน้ำนั้นนั่นแลเป็นอารมณ์ กำหนดวัยทั้ง ๓ แล้ว คิดว่า

"สัตว์เหล่านี้ ตายเสียในปฐมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งแรก, ตาย

เสียในมัชฌิมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งที่ ๒ ไหลไปไกลกว่านั้น, ตาย

เสียในปัจฉิมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งที่ ๓ ไหลไปไกลแม้กว่านั้น."

พระศาสดาประทับในพระคันธกุฎี ทรงแผ่พระรัศมีไป เป็นดัง

ประทับยืนตรัสอยู่เฉพาะหน้าของนาง ตรัสว่า "ปฏาจารา ข้อนั้น

อย่างนั้น, ด้วยว่าความเป็นอยู่วันเดียวก็ดี ขณะเดียวก็ดี ของผู้เห็น

ความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์เหล่านั้น ประเสริฐกว่า ความ

เป็นอยู่ ๑๐๐ ปี ของผู้ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์"

ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-

๑๒. โย จ วสฺสสตํ ชีเว อปสฺสํ อุทยพฺพยํ
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย ปสฺสโต อุทยพฺฑยํ.
"ก็ผู้ใด ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมอยู่
พึงเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี, ความเป็นอยู่วันเดียว ของ
ผู้เห็นความเกิดและความเสื่อม ประเสริฐกว่า
ความเป็นอยู่ของผู้นั้น."
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บาทพระคาถา อปสฺสํ อุทยพฺพยํ ความว่า

ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมอยู่ ด้วยลักษณะ ๒๕ แห่งปัญจขันธ์.

บาทพระคาถาว่า ปสฺสโต อุทยพฺพยํ ความว่า ความเป็นอยู่แม้วันเดียว

ของผู้เห็น ความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์เหล่านั้น ประเสริฐ

กว่าความเป็นอยู่ของบุคคลนอกนี้.

ในกาลจบเทศนา นางปฏาจาราบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัม-

ภิทาทั้งหลาย ดังนี้แล.

เรื่องนางปฏาจารา จบ.



ถ่ายที่: ฝาผนังวัดพุทธศรีลังกา เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย
English: The painting depicts of Patachara (Patachara loses her husband and two Childre) in Dhammapada
Location: in Srilangka Buddhist temple in SravasthiSravasti, India.
Ngày
Nguồn gốc Tác phẩm được tạo bởi người tải lên
Tác giả
ผู้สร้างสรรค์ผลงาน/ส่งข้อมูลเก็บในคลังข้อมูลเสรีวิกิมีเดียคอมมอนส์ - เทวประภาส มากคล้าย
Giấy phép
(Dùng lại tập tin)
Đây là một bản tái tạo chân thực ở dạng nhiếp ảnh từ một tác phẩm nghệ thuật hai chiều nguyên bản. Bản thân tác phẩm này thuộc về phạm vi công cộng vì lý do:
Public domain

Tác phẩm này thuộc về phạm vi công cộng tại quốc gia gốc và các quốc gia và vùng lãnh thổ có thời hạn bản quyềncuộc đời tác giả cộng thêm 70 trở xuống.


Bạn cũng cần phải kèm theo một thẻ phạm vi công cộng tại Hoa Kỳ để ghi rõ tại sao tác phẩm này lại thuộc về phạm vi công cộng tại Hoa Kỳ. Lưu ý rằng một số quốc gia có thời hạn bản quyền dài hơn 70 năm: Mexico là 100 năm, Jamaica là 95 năm, Colombia là 80 năm, và Guatemala và Samoa là 75 năm. Hình ảnh này có thể không thuộc về phạm vi công cộng tại các quốc gia này, nơi không công nhận quy tắc thời hạn ngắn hơn. Bản quyền có thể không được áp dụng lên các tác phẩm được tạo ra bởi người Pháp chết vì nước Pháp trong Chiến tranh thế giới thứ hai (xem thêm), người Nga phục vụ trong Chiến tranh Xô–Đức 1941–1945 (tức là Chiến tranh Vệ quốc Vĩ đại theo cách gọi của Nga) và những nạn nhân bị đàn áp ở Liên Xô đã được phục hồi danh dự sau khi mất (xem thêm).

Quan điểm chính thức của Wikimedia Foundation là "những tái tạo chân thực các tác phẩm nghệ thuật hai chiều đã thuộc về phạm vi công cộng đều là phạm vi công cộng, và tuyên bố phản đối bất cứ hành vi xâm phạm đến định nghĩa phạm vi công cộng". Để biết thêm chi tiết, xem Commons:When to use the PD-Art tag.
Bản tái tạo ở dạng nhiếp ảnh này, do đó, cũng được xem là thuộc phạm vi công cộng. Xin ghi nhớ rằng tùy thuộc vào từng pháp luật ở mỗi nước, việc tái sử dụng nội dung này có thể bị ngăn cấm hoặc hạn chế tại nơi bạn sinh sống. Xem Commons:Reuse of PD-Art photographs.
{{PD-Art}} template without license parameter: please specify why the underlying work is public domain in both the source country and the United States
(Usage: {{PD-Art|1=|deathyear=''year of author's death''|country=''source country''}}, where parameter #1 can be PD-old-auto, PD-old-auto-expired, PD-old-auto-1996, PD-old-100 or similar. See Commons:Multi-license copyright tags for more information.)
English: This work was created by Tevaprapas. Please notify me if you use my work outside Wikimedia.
Français : Cette oeuvre a été crée par Tevaprapas. Veuillez me notifier si elle est utilisée à l'extérieur de Wikimedia.
Svenska: Detta verk skapades av Tevaprapas. Var vänlig kontakta mig om du använder detta verk utanför Wikimedia.
ไทย: งานนี้สร้างสรรค์โดย Tevaprapas ถ้าหากท่านประสงค์นำงานนี้ไปใช้นอกวิกิมีเดีย สามารถนำไปใช้ได้ภายใต้สัญญาอนุญาตที่กำหนดด้านบน หากผู้ใดนำผลงานนี้ไปใช้ กรุณาแจ้งเจ้าของผลงานเพื่อให้รับทราบด้วย
Македонски: Творец на ова дело е корисникот Tevaprapas. Известете го ако сакате да ги користите неговите дела вон Викимедија.
Re-use
InfoField
If you use this image outside of the Wikimedia projects, I'd be happy to hear from you. If you want a license with the conditions of your choice, please email me to negotiate terms.

Lịch sử tập tin

Nhấn vào ngày/giờ để xem nội dung tập tin tại thời điểm đó.

Ngày/giờHình xem trướcKích cỡThành viênMiêu tả
hiện tại18:40, ngày 14 tháng 7 năm 2009Hình xem trước của phiên bản lúc 18:40, ngày 14 tháng 7 năm 20091.279×847 (1,04 MB)Tevaprapas== Summary == {{User:Tevaprapas/Information |Description=|Description = {{th|ภาพวาดเหตุการณ์ในพระธรรมบท เรื่องนางปฏาจารา มีเนื้อหามาในพระ�
Có 1 trang tại Wikipedia tiếng Việt có liên kết đến tập tin (không hiển thị trang ở các dự án khác):

Sử dụng tập tin toàn cục

Những wiki sau đang sử dụng tập tin này:

  • Trang sử dụng tại en.wikipedia.org
  • Trang sử dụng tại pl.wikiquote.org

Đặc tính hình